ไขข้อสงสัย ไข้หวัดใหญ่ต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร?

เวลาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น เช้าแดดเปรี้ยง บ่ายฝนกระหน่ำ แขกไม่ได้รับเชิญอย่างไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ก็พร้อมจะมาเยือนเราได้เสมอ และเนื่องจากโรคทั้งสองชนิดนี้มีอาการทั่วไปคล้ายกัน จึงไม่แปลกเลยที่บางครั้งก็ทำให้หลายคนสับสน จนอาจดูแลตัวเองและลูก ๆ ไม่ถูกวิธี ดังนั้นเราจึงรวบรวมวิธีสังเกตความแตกต่าง ระหว่างไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่แบบง่าย ๆ มาฝากดังนี้ค่ะ

 

ไข้หวัดธรรมดา เริ่มต้นจากอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม หรือเจ็บคอ มีไข้ต่ำ ๆ หรือไม่มีไข้ก็ได้ ไม่ค่อยปวดกล้ามเนื้อ มีโอกาสเป็นได้ตลอดทั้งปี อาการไม่รุนแรงและหายได้เอง หากเป็นไข้หวัดเรื้อรังจะเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างเช่น ไซนัสอักเสบ หูอักเสบ ปอดอักเสบ

 

ไข้หวัดใหญ่ แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาตรงที่มีไข้สูง 38-40 องศาเซลเซียส เป็นนาน 3-4 วันขึ้นไป ไม่เจ็บคอ ส่วนใหญ่จะไอแห้ง ๆ ปวดหัว ร่างกายอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามข้อและกล้ามเนื้อ อาจมีอาการหนาวสั่นสะท้านและเบื่ออาหาร อาการรุนแรงและยาวนานกว่าไข้หวัดธรรมดา มีภาวะแทรกซ้อนได้บ่อยกว่า สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือปอด อาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง อย่างปอดบวม กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สมองอักเสบ จนอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ปกติจะระบาดหนักช่วงปลายฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว

 

ถึงจะเป็นกันง่าย แต่ก็รักษาไม่ยาก

ไข้หวัดธรรมดามักหายได้เอง จึงรักษาตามอาการ เช่น กินยาบรรเทาอาการปวดลดไข้พาราเซตามอล กินยาแก้ไอ ดื่มน้ำอุ่น นอนพักผ่อนมาก ๆ ส่วนไข้หวัดใหญ่นั้นนอกจากจะรักษาตามอาการเช่นเดียวกับไข้หวัดธรรมดาแล้ว การฉีดวัคซีนป้องกันปีละครั้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผลและช่วยลดความรุนแรงจากภาวะแทรกซ้อนได้ค่ะ

 

ไข้หวัดธรรมดา กลายพันธุ์เป็นไข้หวัดใหญ่ได้หรือไม่?

ใครที่กลัวว่าไข้หวัดธรรมดาจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นไข้หวัดใหญ่ละก็ หายห่วงไปได้เลย เพราะไข้หวัดทั้งสองเกิดจากไวรัสคนละชนิดกันค่ะ ไข้หวัดธรรมดาเกิดจากไวรัสร่วม 200 ชนิด ที่พบมากสุดคือ ไรโนไวรัส (Rhinovirus) รองลงมาเป็นโคโรนาไวรัส (Coronavirus) ส่วนเชื้อต้นเหตุของไข้หวัดใหญ่คือ อินฟลูเอนซาไวรัส (Influenza virus) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสายพันธุ์หลักที่พบบ่อยได้แก่ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B วิธีสังเกตความแตกต่างง่าย ๆ ระหว่างไข้หวัดใหญ่ 2 สายพันธุ์นี้คือ สายพันธุ์ A มีอาการรุนแรงกว่า ส่วนสายพันธุ์ B มักแพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้เติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่เย็นและแห้งนั่นเอง

 

 

ดูแลตัวเองอย่างไร ไม่ให้เป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่?

ไม่ว่าจะไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ก็คงไม่มีใครอยากเป็นใช่ไหมละคะ ดังนั้นการดูแลตัวเอง เด็ก ๆ และคนรอบข้าง ให้ห่างไกลจากโรคอยู่เสมอจึงสำคัญที่สุดค่ะ วิธีป้องกันง่าย ๆ ได้แก่ ล้างมือให้สะอาด กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย และไม่อยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรค ที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ แค่นี้ชีวิตก็ห่างไกลจากไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ได้ไม่ยากค่ะ

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ช่วยป้องกันไข้หวัดธรรมดาได้ไหมนะ?

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่คือ การฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี โดยวัคซีน 1 เข็ม สามารถต้านได้ทั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B แต่วัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ได้ช่วยป้องกันไข้หวัดธรรมดานะคะ เพราะเกิดจากเชื้อไวรัสคนละชนิดกัน และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดธรรมดา

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่คือ เด็กอายุ 6 เดือน – 3 ขวบ คนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป คนที่อาศัยในสถานพักฟื้นหรือบ้านพักคนชรา ผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 3 เดือนขึ้นไป บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่บริการสังคม ส่วนคนที่ไม่เหมาะจะรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน คนที่มีประวัติแพ้ไข่รุนแรงหรือเคยมีอาการแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ หากคุณกำลังมีไข้สูง มีอาการของโรคประจำตัวกำเริบ หรือเพิ่งหายจากการเจ็บป่วย ควรเลื่อนการรับวัคซีนออกไปก่อน กรณีที่เป็นหวัดเล็กน้อยและไม่มีไข้ สามารถรับฉีดวัคซีนได้ตามปกติค่ะ

 

อันที่จริงไข้หวัดแบบไหนก็ไม่สำคัญ ถ้าเรารู้เท่าทันและดูแลป้องกันตัวเองสม่ำเสมอ ทีนี้ต่อให้มันเข้ามารุกรานบ่อยแค่ไหน เราก็รับมือได้ง่ายนิดเดียวค่ะ

 

บทความนี้ตรวจสอบความถูกต้องโดยแพทย์ชำนาญการ

แหล่งที่มา : https://www.painandpill.com/kids/influenza